วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การศึกษารายกรณี

    การศึกษาเด็กเป็นรายกรณี  เป็นวิธีการวิเคราะห์เพื่อแสวงหาข้อมูลในการเสนอผลรวมของบุคลิกภาพของนักเรียนเป็นราย ๆ ไป  ซึ่งต้องมีการศึกษา  รวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้  หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง  การศึกษาเด็กเป็นรายกรณี  เป็นกระบวนการศึกษารายละเอียดนักเรียนอย่างต่อเนื่อง  ลึกซึ้ง  ทำให้ทราบพฤติกรรมที่เป็นปัญหาสาเหตุของการปรับตัวไม่ได้  เจตคติ  และบุคลิกภาพของนักเรียนดียิ่งขึ้น  เป็นแนวทางช่วยเหลือ  ส่งเสริมให้นักเรียนมีบุคลิกภาพที่ดี

     การเลือกนักเรียนเพื่อทำการศึกษารายกรณี ในการศึกษารายกรณีนั้น ครูสามารถเลือกนักเรียนได้หลายประเภท ไม่จำเป็นจะต้องเลือกเฉพาะนักเรียนที่มีปัญหาเท่านั้น ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการศึกษาของครูว่า ต้องการทราบเรื่องอะไร ครูควรเลือกนักเรียนเพื่อทำการศึกษารายกรณี สามารถจำแนกได้ดังนี้
1) นักเรียนที่ประสบผลสำเร็จในด้านการเรียนดีเยี่ยม
2) นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง เช่น ศิลปะ ดนตรี ฯลฯ
3) นักเรียนที่มีปัญหามาก
4) นักเรียนที่มีความทะเยอทะยานมีกำลังใจเข้มแข็งที่จะเอาชนะอุปสรรค
5)นักเรียนที่เรียนอ่อนไม่สมารถที่จะทำงานในระดับที่เรียนอยู่ได้
6) นักเรียนที่มีพฤติกรรมดีเด่นสมควรเอาเป็นตัวอย่าง
7) นักเรียนที่มีพฤติกรรมปรกติธรรมดาทั่ว ๆ ไป

แนวการดำเนินการการศึกษาเด็กเป็นรายกรณี
  การศึกษาเด็กเป็นรายกรณี  ดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้
1. ขั้นตั้งปัญหา ค้นหา คัดเลือกนักเรียนที่น่าสนใจมาศึกษา เช่น สติปัญญาดีแต่เพื่อนไม่ชอบ ซึมเศร้า ดื้อ มีเพื่อนรักมาก
2. ขั้นรวบรวมข้อมูล รวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น สังเกต สัมภาษณ์สอบถาม เขียนอัตชีวประวัติ สำรวจสังคมมิติ  เยี่ยมบ้านเพื่อเป็นข้อมูลศึกษาเป็นรายกรณี
3. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล หาข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ด้วยการตีความหมาย  วินิจฉัย  สาเหตุของพฤติกรรม 
4. ขั้นแก้ปัญหา คิดหาวิธีการที่จะใช้แก้ไขพฤติกรรมที่ผิดปกติ  ป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น แล้วดำเนินการช่วยเหลือ
5. ขั้นติดตามผล  ติดตามผลว่าการดำเนินการศึกษาเด็กเป็นรายกรณีทั้งหมดนั้น ประสบความสำเร็จหรือไม่  มีข้อบกพร่อง  ปัญหาอุปสรรคอย่างไร

ประโยชน์ต่อนักเรียน คือ
1. ช่วยให้นักเรียนได้เกิดความเข้าใจตนเอง ยอมรับความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเองมีการปรับปรุงตนเอง หรือแก้ไขปัญหาของตน เพื่อช่วยให้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2. ช่วยให้นักเรียนมีกำลังใจและมีความเต็มใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง
ประโยชน์ต่อคณะครูและโรงเรียน
1. ช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจนักเรียนของตนดีขึ้น ยินดีให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้นักเรียน
2. ช่วยให้โรงเรียนได้ทราบความเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาและความต้องการของตัวเด็ก ทำให้สามารถนำข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมและการใช้บริการด้านต่าง ๆ แก่นักเรียนได้อย่างเหมาะสม

ประโยชน์ต่อผู้ปกครองของนักเรียน คือ
1. ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กของตนดีขึ้น ทำให้สามารถปฏิบัติต่อบุตรได้อย่างเหมาะสม
2. ช่วยให้ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ เพราะตระหนักได้ว่า โรงเรียนมีความตั้งใจและจริงใจในการป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ไขและส่งเสริมพัฒนานักเรียน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น